อุทยานแห่งชาติภูกระดึง

อุทยานแห่งชาติภูกระดึง 2

อุทยานแห่งชาติภูกระดึงได้รับการประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติ ลำดับที่ 2 ของประเทศไทย เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2505 ตั้งอยู่ในท้องที่ตำบลศรีฐาน อำเภอภูกระดึง จังหวัดเลย ครอบคลุมพื้นที่ 348.13 ตารางกิโลเมตร หรือกว่า 217,576.25 ไร่ ลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาหินทรายยอดตัด โดยมีที่ราบบนยอดภูกระดึงประมาณ 60 ตารางกิโลเมตร หรือกว่า 37,500 ไร่

ภูกระดึงมีระดับความสูงอยู่ระหว่าง 400 – 1,200 เมตร จุดสูงสุดอยู่ที่บริเวณคอกเมย มีความสูง 1,316 เมตร สภาพทั่วไปของภูกระดึงประกอบไปด้วยพรรณไม้นานาชนิด พันธุ์สัตว์ป่านานาพันธุ์ อาทิ ช้างป่า และกวง หน้าผา ทุ่งหญ้า ลำธาร และน้ำตก อีกทั้งยังเป็นพื้นที่ต้นน้ำของลำน้ำพองซึ่งเป็นลำน้ำสายสำคัญสายหนึ่งของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

สำหรับนักท่องเที่ยวที่ประสงค์จะเข้าไปท่องเที่ยวและพักแรมบนยอดภูกระดึง สามารถติดต่อสอบถาม หรือสำรองการเข้าไปใช้บริการล่วงหน้า ทั้งที่พักประเภทเต็นท์ของอุทยานแห่งชาติและพื้นที่กางเต็นท์สำหรับนักท่องเที่ยวที่นำเต็นท์มาเองตามแผนผังจุดพักแรม ก่อนเดินทาง ได้โดยตรง ณ อุทยานแห่งชาติภูกระดึง โทรศัพท์หมายเลข 0-4281-0833 และหมายเลข 0-4281-0834 (ในเวลาราชการ)

อุทยานแห่งชาติภูกระดึง 1

จุดชมวิวที่ผู้พิชิตหลายท่านต้องไปชมก็มีอยู่หลายจุดด้วยกัน  อาทิ ผาหล่มสัก ผาที่งดงามและเป็นที่นิยมมาทุกยุคทุกสมัย เป็นจุดชมตะวันลับขอบฟ้าที่สวยงาม เป็นผาหินแผ่นมหึมา ยื่นออกไป และมีต้นสนภูเขาขึ้นเคียงข้าง แผ่กิ่งก้านประกอบฉากได่อย่างงดงาม นักท่องเที่ยว นิยมมาถ่ายภาพ บนผาหล่มสักกลับไป เป็นที่ระลึก

อีกสิ่งหนึ่งที่ใครไปถึงภูกระดึงแล้วอยากจะเห็นก็คือ ใบเมเปิลสีแดงสดสีฉูดฉาดอวดสายตาคนมาที่เยือน   สำหรับบนภูกระดึง สามารถเดินไปดูใบเมเปิลเปลี่ยนสีได้ตามเส้นน้ำตก ตั้งแต่น้ำตกเพ็ญพบใหม่ ไปจนถึงจุดยอดฮิตคือน้ำตกถ้ำใหญ่

10 สถานที่มรดกโลก ที่สวยที่สุดในโลก

%e0%b9%80%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b8%a2%e0%b8%a7%e0%b8%a2%e0%b8%b8%e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%9b-%e0%b8%94%e0%b9%89%e0%b8%a7%e0%b8%a2%e0%b8%95%e0%b8%b1%e0%b8%a7%e0%b9%80%e0%b8%ad%e0%b8%87-300x160

หลากหลายสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ทั้งในไทย และต่างประเทศที่ได้รับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก แต่ละสถานที่ล้วนมีเรื่องราว ประวัติศาสตร์อันยาวนาน และความงดงามทางศิลปะ ที่แฝงถึงวัฒนธรรมอันเก่าแก่ ความเป็นมาของแต่ละพื้นที่ค่ะ

เราจะพามาดู 20 สถานที่ที่ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดที่ได้รับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก มาดูกันว่า เคยไปเที่ยวที่ไหนกันมาบ้าง ?

  1. นครวัด (Angkor) ประเทศกัมพูชา

นครวัด เป็นศาสนสถานสมัยของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 12 เป็นศูนย์กลางทางศาสนาที่สำคัญเพียงแห่งเดียวที่ยังเหลือรอดมาจนถึงปัจจุบัน และได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของประเทศกัมพูชาที่หลายคนทั่วโลกต่างรู้จักเป็นอย่างดี

นครวัดยังเป็น 1 ใน 10 อันดับ สุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตในอาเซียน อีกด้วย ซึ่งที่นี่อยู่ห่างจากเมืองเสียมราฐเพียง 20 นาทีเท่านั้น นักท่องเที่ยวจะแห่กันไปเพื่อชมสถาปัตยกรรมขอมโบราณนี้ในช่วงเดือนพฤศจิกายนจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ เพราะเป็นช่วงที่มีอากาศดี อุณหภูมิจะอยู่ที่ 25-30 องศาเท่านั้น จะช่วงอื่นจะร้อนมากจนแทบตัวละลาย

  1. อะโครโพลิส (Acropolis) ประเทศกรีซ

อะโครโพลิส คือ ป้อมปราการที่อยู่บนเทือกเขาสูง ซึ่งมีอยู่หลายจุดในประเทศกรีซ อะโครโพลิสที่มีชื่อเสียงที่สุดคือ อะโครโพลิสแห่งเอเธนส์ ซึ่งมีวิหารสามแห่ง คือ วิหารพาร์เทนอน (Parthenon) วิหารอิเรกเทียม (Erechtheum) และมีโรงละครอีกสองแห่งคือ โรงละครเฮโรเดส อัตติกัส (Theatre of Atticus) และโรงละครไดอะไนซัส (Theatre of Dionysus)

ที่นี่ถือได้ว่า เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ชิ้นสำคัญของโลกเลยก็ว่าได้ เป็น อารยธรรมโบราณ ซึ่งสถานที่ที่ยังมีสิ่งก่อสร้างซึ่งแสดงให้เห็นถึงความรุ่งเรือง และความรู้ความสามารถของคนในยุคก่อน ความท้าทายในการเที่ยวชมที่นี่เป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวหลายคนถวิลหา เพราะจะต้องเลาะไปตามทางเดินที่อยู่ตรงแนวเนินเขาที่ทั้งสูง และชัน

  1. พุกาม (Bagan) ประเทศเมียนมาร์

พุกาม เป็นอาณาจักรแห่งแรกในประวัติศาสตร์เมียนมาร์ ปัจจุบันตั้งอยู่ในเขตมัณฑะเลย์ เป็นเมืองเก่าแก่ตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 11 ที่ยังคงความศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธศาสนาจนได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งทะเลเจดีย์ หรือ ดินแดนแห่งเจดีย์สี่พันองค์ เพราะในสมัยรุ่งเรืองเคยมีเจดีย์มากมายถึง 4,446 องค์ ปัจจุบันเหลือแค่เพียง 2,217 องค์เท่านั้น แต่ก็ยังถือว่าเป็นศาสนสถานที่อลังการอยู่ดี

 

เจดีย์แห่งแรกของพุกามคือ เจดีย์ชเวสิกอง สร้างโดยพระเจ้าอโนรธามังช่อ ปฐมกษัตริย์แห่งอาณาจักรพุกาม ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่บ่งบอกถึงความรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนาในประเทศเมียนมาร์ นอกจากนี้พุกาม ยังเป็น 1 ใน 100 สถานที่สวยที่สุดในโลก อีกด้วย

  1. หมู่เกาะกาลาปาโกส (Galápagos Islands) ประเทศเอกวาดอร์

หมู่เกาะกาลาปาโกส เป็นหมู่เกาะกลางมหาสมุทรแปซิฟิก หมู่เกาะนี้เกิดจากการสะสมตัวของลาวาจากภูเขาไฟ เมื่อ 7-9 ล้านปีมาแล้ว และยังมีภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นอยู่ เกาะแห่งนี้เป็นบ้านของสัตว์กว่า 9,000 สปีชี่ส์ ซึ่ง 75% ของสัตว์ทั้งหมดนี้สามารถพบได้ที่นี่ที่เดียวในโลก ทำให้การเดินทางไปท่องเที่ยวเกาะนี้ค่อนข้างเข้มงวด นักท่องเที่ยวที่จะไปที่นี่จึงควรต้องมีจิตสำนึกมากๆ ในการเดินทางและท่องเที่ยว

  1. อุทยานแห่งชาติเกอเรเม, คัปปาโดเกีย (Göreme National Park and the Rock Sites of Cappadocia) ประเทศตุรกี

เกอเรเม และหินทรงประหลาดในบริเวณ คัปปาโดเกีย ซึ่งตั้งอยู่ในประเทศตุรกี เป็นพื้นที่พิเศษเกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟเออซิเยส และภูเขาไฟ ฮาซาน เมื่อประมาณ 3 ล้านปีมาแล้ว ด้วยลักษณะที่มีรูพรุนเข้าไปในภูเขาทำให้มีคนหัวใสย้ายเข้าไปตั้งถิ่นฐานเป็นบ้านถ้ำมาหลายศตวรรษ และที่นี่จึงกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวฮอตในตุรกีเรื่อยมา แถมยังเป็น 1 ใน 100 สถานที่สวยที่สุดในโลก อีกด้วย

  1. เกรต แบร์ริเออร์ รีฟ (Great Barrier Reef) ประเทศออสเตรเลีย

เกรต แบร์ริเออร์ รีฟ เป็นแนวปะการังที่ยาวที่สุดในโลก ซึ่งมีความยาวกว่า 2,000 กิโลเมตร อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศออสเตรเลีย หรือตอนใต้ของทะเลคอรัล มีสิ่งชีวิตมากมาย ทั้งปะการังชนิดอ่อน และชนิดแข็ง สีสวยกว่า 350 ชนิด ตลอดจนปลา และสิ่งมีชีวิตในทะเลที่ต่างๆ อีกกว่า 1,500 ชนิด แต่น่าเสียดายที่สวรรค์ของนักประดาน้ำนี้ กลายเป็น ที่เที่ยวต้องไป ก่อนที่จะหายไปจากแผนที่โลก ซะแล้ว เพราะ ภาวะโลกร้อนขึ้นส่งผลทำให้ความเป็นกรดของน้ำทะเลสูงขึ้น และด้วยพายุไซโคลนที่ถล่มอยู่เป็นประจำ จึงคาดว่า 60% ของปะการังที่นี่จะเผชิญกับปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาว

  1. ฮัมปิ (Hampi) ประเทศอินเดีย

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเมื่อพูดถึงอินเดีย ใครๆ จะต้องนึกถึง ทัชมาฮาล ที่มีชื่อเสียงที่สุดมรดกโลก แต่นักท่องเที่ยวไม่กี่คนเท่านั้นที่จะรู้จัก ฮัมปิ เมืองที่เคยเป็นอาณาเขตของอาณาจักรวิจายานะกา หรือ วิชัยนคร และยังเป็นเมืองหลวงสุดท้ายของอาณาจักรฮินดู แน่นอนว่าที่นี่เต็มไปด้วยวัด และพระราชวังวังที่สร้างด้วยศิลปะแบบดราวิเดียน

  1. น้ำตกอีกวาซู (Iguazu National Park) ประเทศบราซิล และอาร์เจนติน่า

น้ำตกอีกวาซู นี้ตั้งอยู่บริเวณรอยต่อพรมแดนระหว่างประเทศบราซิลกับประเทศอาร์เจนติน่า เป็นน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกาใต้ และขึ้นชื่อว่าใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย โดยใหญ่กว่าน้ำตกไนแอการาประมาณ 30 เท่า เป็นน้ำตกขนาดใหญ่เป็นแนวยาวกว่า 4 กิโลเมตร สูงกว่า 269 ฟุต ประกอบด้วยน้ำตกน้อยใหญ่อีก 275 แห่งด้วยกัน ซึ่ง บริเวณรอบๆ น้ำตกนั้นจะเกิดละอองน้ำอยู่ตลอดเวลาและมีเสียงดังไปไกลกว่า 24 กิโลเมตร

  1. อุทยานแห่งชาติลอส กลาเซียเรส (Los Glaciares National Park) ประเทศอาร์เจนติน่า

อุทยานแห่งชาติลอส กลาเซียเรส เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของเมืองซานตาครูซ เป็นอุทยานแห่งชาติที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองในประเทศอาร์เจนตินา พื้นที่ส่วนใหญ่มักถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็งกว่า 30% ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในโลกยุคน้ำแข็งเลยทีเดียว กิจกรรมท่องเที่ยวหลักๆ ที่ได้รับความนิยมของนักท่องเที่ยวนั้นคือ  การปีนเขา และเดินป่าภูเขาฟิทซ์รอย (Monte Fitz Roy) และภูเขาเซอโร ตอร์เร (Cerro Torre) ขาแอดเวนเจอร์แห่ไปพิชิตยอดเขากันมากมาย

  1. มาชูปิกชู (Machu Picchu) ประเทศเปรู

มาชูปิกชู หรือนิยมเรียกอีกชื่อว่า เมืองสาบสูญแห่งอินคา ที่ตั้งอยู่บนเทือกเขาสูงถึง 2,350 เมตรในประเทศเปรู เมืองนี้ตั้งอยู่บนยอดเขาซึ่งแต่ละด้านเป็นผาชันแลดูน่าหวาดเสียว ที่นี่เป็นมรดกที่แสดงให้เห็นถึงอารยะธรรมของชนชาติอินคาที่สาบสูญไปนานแล้ว และไม่มีใครค้นพบจนกระทั่งในคริสต์ศตวรรษที่ 20 หลังจากจักรวรรดินี้ล่มสลายไปแล้วถึง 400 ปี ที่นี่จึงกลายเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ยุคใหม่

ปัจจุบันนักท่องเที่ยวในเปรูสามารถเดินทางจากเมืองคุซโกไปยังนครมาชู ปิกชูโดยทางรถไฟ และรถโดยสารประจำทางเป็นระยะทาง 96 กม.ได้ในเวลาไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น

ท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติภูเรือ หนาวสุดในแดนสยาม

IMG_9122อุทยานแห่งชาติภูเรือมีลักษณะภูมิประเทศเป็นทิวเขาสูงสลับซับซ้อนประกอบด้วย เขาหินทรายเป็นส่วนใหญ่ นอกจากนั้นเป็นหินแกรนิตสลับกันไป ลักษณะเช่นนี้จึงทำให้มีที่ราบสูงสลับกับยอดเขาสูงทั่วไป มียอดเขาสูงที่สุดคือ ยอดภูเรือ มีความสูงถึง 1,365 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ยังมียอดเขาที่สำคัญ คือ ยอดเขาภูสัน มีความสูง 1,035 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง และยอดภูกุ มีความสูง 1,000 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ลักษณะเช่นนี้เองจึงเป็นแหล่งต้นน้ำลำธารที่สำคัญก่อให้เกิดลำธารหลายสาย เช่น ห้วยน้ำด่าน ห้วยบง ห้วยเถียงนา ห้วยทรายขาว ห้วยติ้ว และห้วยไผ่ ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของน้ำตกห้วยไผ่ที่สวยงามแห่งหนึ่ง

เป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 16 ของประเทศไทย มีพื้นที่ครอบคลุมอำเภอภูเรือและอำเภอท่าลี่ ส่วนสาเหตุที่ภูเขาลูกนี้มีชื่อเรียกว่าภูเรือก็เพราะตัวภูเขามีลักษณะโดดเด่นเป็นชะโงกผายื่นออกมา รูปร่างคล้ายเรือสำเภาลำใหญ่ บริเวณพื้นที่ราบบนยอดภูเรือเปรียบเสมือนท้องเรือ ถ้าหากเราขึ้นไปที่บริเวณยอดภูเรือ ณ จุดที่มีความสูงที่สุด คือ 1,365 เมตรจากระดับน้ำทะเล เราจะสามารถชมทัศนียภาพได้โดยรอบ ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมเดินทางขึ้นยอดภูเรือกันแต่เช้าเพื่อให้ทันชมแสงแรกของวัน พร้อมกับสัมผัสอากาศหนาวจับใจที่มีทะเลหมอกลอยในหุบเขาสลับซับซ้อนอยู่เบื้องล่าง จากการที่อุทยานแห่งชาติภูเรือประกอบไปด้วยยอดเขาสูง จึงทำให้มีอุณหภูมิเฉลี่ย 22.5 องศาเซลเซียสและหนาวเย็นตลอดทั้งปี

ภูเรือมีสภาพป่าหลายชนิดปะปนกันอย่างสวยงามทั้งป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง ป่าดงดิบ ป่าสนเขา โดยเฉพาะ ยอดภูเรือ ประกอบด้วยป่าสนเขาสลับกับสวนหินธรรมชาติแซมด้วยพุ่มไม้เตี้ย สลับด้วยทุ่งหญ้าเป็นระยะที่พบโดยทั่วไป ได้แก่ กุหลาบป่า มอส เฟิน และกล้วยไม้ที่สวยงาม เช่น ม้าวิ่ง สามปอย ไอยเรศ เอื้องคำ เอื้องผึ้ง เอื้องเงิน ซึ่งขึ้นตามต้นไม้และโขดหิน กล้วยไม้เหล่านี้จะออกดอกบานสะพรั่งให้ชมสลับกันไปตลอดทั้งปี นอกจากนี้ป่าภูเรือยังมีสัตว์ป่าที่ชุกชุมพอสมควรที่พบบ่อย เช่น หมี เก้ง กวางป่า หมูป่า หมาไน ลิง พญากระรอกดำ ไก่ฟ้าพญาลอ ไก่ป่า และชุกชุมไปด้วยกระต่ายป่า เต่าเดือย เต่าปูลูและนกชนิดต่างๆที่สวยงามอีกมากมาย โดยเฉพาะในฤดูหนาวจะอพยพมาจากประเทศจีนเป็นจำนวนมาก

ชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ

cpb
อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าห้วยเขย่งและป่าเขาช้างเผือกในเขตท้องที่อำเภอททองผาภูมิ และอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี เป็นพื้นที่ป่าที่อยู่ในระหว่างการดำเนินการประกาศจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติ มีเนื้อที่ ประมาณ 700,000 ไร่ พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นเทือกเขาสลับซับซ้อน แนวเขาวางตัวในแนวทิศเหนือ-ใต้เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาตะนาวศรี ความสูงของพื้นที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 100-1,249 เมตร มีเขาช้างเผือกซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกของพื้นที่ มียอดเขาสูงสุด 1,249 เมตรจากระดับน้ำทะเลยอดเขาที่สำคัญฯ ได้แก่ เขาช้างเผือก เขานิซา เขาพุถ่อง เขาด่าง เขาปากประตู เขาเลาะโล เขาประหนองโทคี เขาชะโลง ฯลฯ ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของลำห้วยต่างๆ เช่น ห้วยมาลัย ห้วยกบ ห้วยซ่าน ห้วยองค์พระ ห้วยปีคี ห้วยปากคอก ห้วยเจ็ดมิตร ฯลฯ

เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของแนวเทือกเขาทางภาคตะวันตกส่วนที่ติดเขตแดนพม่า รวมทั้งเปิดให้ได้เข้าพักเพื่อได้สัมผัสกับธรรมชาติอย่างใกล้ชิด เป็นการปลูกจิตสำนึกให้นักท่องเที่ยวรักและหวงแหนในความเป็นธรรมชาติ และช่วยกันรักษาให้ดำรงสืบไปถึงลูกหลาน ซึ่งบริเวณพื้นที่ในเขตชายแดนพม่าแถบนี้ทางกรมป่าไม้เสนอให้ได้รับการคุ้มครอง อนุรักษ์ป่าไว้ ให้เชื่อมต่อกับผืนป่าส่วนอื่นๆให้เป็นป่าผืนใหญ่ผืนเดียวกัน เพื่อรักษาระบบนิเวศน์ และแหล่งทรัพยากรธรรมชาติให้สมบูรณ์ สำหรับเป็นที่อยู่อาศัยและการเจริญพันธุ์ของพืชและสัตว์ป่า และการพิจารณานี้ได้รับความเห็นชอบให้จัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติขึ้น เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2552 เป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 114 ของประเทศไทย

อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิอยู่ห่างจากอำเภอทองผาภูมิไปทางทิศตะวันตก ประมาณ 60 กิโลเมตร ไปตามทางหลวง 3272 มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลายจุด สำหรับจุดชมวิวทิวทัศน์มี 2 แห่ง คือ ดอยต่องปะแล ซึ่งต้องจอดรถและเดินขึ้นเขาไปประมาณ 300 เมตร เป็นจุดชมวิวที่สวยงาม มองเห็นน้ำตกจ๊อกกะดิ่นอยู่ไม่ไกล ส่วนเนินกูดดอยสามารถนำรถขึ้นไปจอดได้ เป็นจุดชมวิวทิวเขาซับซ้อนสุดสายตา มองเห็นทะเลสาบเขื่อนวชิราลงกรณ์และเขาช้างเผือกภูเขาที่สูงที่สุดในอุทยานฯ และมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติ 3 เส้นทางคือ น้ำตกจ๊อกกะดิ่น น้ำตกผาแป น้ำตกเจ็ดมิตร ต้องติดต่อว่าจ้างเจ้าหน้าที่เป็นผู้นำทาง น้ำตกเหล่านี้อยู่ในเขตตำบลปิล๊อก ซึ่งเดิมเป็นเหมืองแร่ดีบุก วุลแฟรม ตั้งอยู่พรมแดนไทย-พม่า อุดมด้วยป่าดิบปกคลุมด้วยหมอกเกือบตลอดทั้งปี ซึ่งต้องใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อ การเดินทางแม้ว่าเส้นทางจะลาดยางแต่เป็นทางขึ้นเขาและมีโค้งหักศอกอยู่มากจึงต้องขับอย่างระมัดระวัง

อุทยานแห่งชาติเอราวัณแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติของภาคกลาง

e0b899e0b989e0b8b3e0b895e0b881e0b980e0b8ade0b8a3e0b8b2e0b8a7e0b8b1e0b893-31อุทยานแห่งชาติเอราวัณ มีพื้นที่ครอบคลุมท้องที่อำเภอเมือง อำเภอศรีสวัสดิ์ อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี น้ำตกเอราวัณเป็นน้ำตกที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของประเทศด้วยอาณาเขตอันกว้างขวางประกอบไปด้วยภูเขาสูง หน้าผา น้ำตก ถ้ำ และทิวทัศน์ที่งดงามตามธรรมชาติ ทั้งการคมนาคมที่สะดวกทำให้อุทยานฯ เอราวัณเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวเป็นอันมาก มีลักษณะพื้นที่เป็นภูเขาสูงชันอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลตั้งแต่ 165-996 เมตร สลับกับพื้นที่ราบโดยภูเขาส่วนใหญ่เป็นเทือกเขาหินปูนในแถบตะวันออกของพื้นที่จะยกตัวสูงขึ้นเป็นแนวโดยเฉพาะบริเวณใกล้น้ำตกเอราวัณจะมีลักษณะเป็นหน้าผา ในพื้นที่ซีกตะวันออกนี้จะมีลำห้วยที่สำคัญคือ ห้วยม่องไล่ และห้วยอมตะลา ซึ่งไหลมาบรรจบกันกลายมาเป็นน้ำตกเอราวัณ ทางตอนเหนือของพื้นที่มีห้วยสะแดะและห้วยหนองมน โดยห้วยสะแดะจะระบายน้ำลงสู่เขื่อนศรีนครินทร์ ส่วนห้วยหนองมนไหลไปรวมกับห้วยไทรโยค ก่อให้เกิดน้ำตกไทรโยค ส่วนทางทิศใต้เป็นต้นกำเนิดของลำห้วยหลายสาย

สภาพภูมิอากาศของอุทยานแห่งชาติเอราวัณแบ่งออกเป็น 3 ฤดู คือ ฤดูฝน ระหว่างเดือนพฤษภาคม-ตุลาคม ฤดูหนาว ระหว่างเดือนพฤศจิกายน-มกราคม และฤดูร้อน ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน อุทยานแห่งชาติเอราวัณได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ และตะวันออกเฉียงเหนือช่วยพัดพาให้เกิดฝน แต่เนื่องจากพื้นที่อยู่ในเขตเงาฝนทำให้มีปริมาณฝนตกไม่มากนัก และอากาศค่อนข้างร้อน ลักษณะอากาศดังกล่าวจึงไม่เป็นปัญหาต่อการเที่ยวชม ทำให้สามารถไปเที่ยวได้ทุกฤดู
สภาพป่าส่วนใหญ่เป็นป่าเบญจพรรณ จากการสำรวจแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าในเขตพื้นที่อุทยานฯ แบ่งออกได้เป็น 5 ประเภท คือ สัตว์ป่าเลี้ยงลูกด้วยนม สัตว์เลื้อยคลาน สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก นกชนิดต่างๆ และสัตว์น้ำอื่นๆ รวมทั้งปลานานาชนิดที่สำคัญ และมักจะพบเห็น ได้แก่ ช้างป่า เสือ เลียงผา อีเก้ง กวางป่า หมูป่า ชะนี ปูกาญจนบุรี เป็นต้น

อุทยานแห่งชาติเอราวัณได้รับรางวัลยอดเยี่ยมประเภทแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติภาคกลาง จากการประกวดรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ครั้งที่ 6 ประจำปี 2549 มีการบริการเทียบเท่าระดับสากล ไม่ว่าจะเป็นรถกอล์ฟสำหรับผู้สูงอายุและคนพิการที่ประสงค์จะเข้าชมน้ำตก ซึ่งอยู่ห่างจากที่จอดรถถึงน้ำตกชั้นแรกประมาณ 700 เมตร ค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานแห่งชาติเอราวัณ คนไทยผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก 50 บาท ต่างชาติผู้ใหญ่ 300 บาท เด็ก 200 บาท อัตราค่าบริการสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยลด 50 เปอร์เซ็นต์ วันจันทร์-วันศุกร์ ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม-31 ธันวาคม 2558 ผู้ใหญ่ 50 บาท เด็ก 25 บาท ในบริเวณอุทยานฯ มีบ้านพักและสถานที่กางเต็นท์สำหรับนักท่องเที่ยว

อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานมีพื้นที่มากที่สุดในประเทศไทย

klengkrajandam03_1423031411
เขื่อนแก่งกระจาน เป็นชื่ออุทยานที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย

มีการขยายพื้นที่ครอบคลุมพื้นที่เขตจังหวัดเพชรบุรีและประจวบคีรีขันธ์ อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานแห่งนี้ยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกอาเซียนด้วยเช่นกัน มีพื้นที่ครอบคลุมท้องที่อำเภอหนองหญ้าปล้อง อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี และอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นอุทยานแห่งชาติที่มีพื้นที่มากที่สุดในประเทศไทย มีสภาพป่าที่อุดมสมบูรณ์ เป็นป่าต้นน้ำของแม่น้ำเพชรบุรีและแม่น้ำปราณบุรี และมีลักษณะเด่นทางธรรมชาติที่สำคัญหลายแห่ง เช่น ทะเลสาบ น้ำตก ถ้ำ หน้าผาที่สวยงาม มีเนื้อที่ประมาณ 1,821,687.84 ไร่ หรือ 2,914.70 ตารางกิโลเมตร

แก่งกระจาน เป็นต้นน้ำลำธารของแม่น้ำหลายสาย พื้นที่ส่วนใหญ่ของอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานเป็นภูเขาสลับซับซ้อนอยู่ในเทือกเขาตะนาวศรี สภาพภูมิประเทศเป็นป่าดิบชื้น ยอดเขาที่สูงที่สุดในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน คือ ยอดเขางะงันนิกยวงตอง อยู่ในเขตรอยต่อประเทศพม่าและไทย มีความสูง 1,513 เมตร รองลงมาคือยอดเขาพะเนินทุ่ง ซึ่งมีความสูง 1,207 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง จากสันเขื่อนแก่งกระจาน มีถนนเลียบออกมาทางซ้ายมือเป็นระยะทาง 3 กิโลเมตร ถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งดูนก ดูผีเสื้อ และสัตว์ป่านานาชนิด จึงมีนักท่องเที่ยวเข้าไปใช้บริการจำนวนมาก ซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ

เนื่องจากอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานอยู่ในเทือกเขาตะนาวศรีซึ่งเชื่อมต่อกับเทือกเขาภูเก็ตของภาคใต้และตอนเหนือเข้าไปในประเทศพม่า สัตว์ป่าจากประเทศอินเดียและพม่าจะแพร่กระจายลงมาทางทิศตะวันตกของประเทศลงมาถึงบริเวณนี้ และพวกสัตว์ป่าจากประเทศมาเลเซียก็จะแพร่กระจายขึ้นมาตามเทือกเขาภูเก็ตมาถึงบริเวณนี้เช่นเดียวกัน

ทำให้อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานเป็นแหล่งชุมนุมของสัตว์ป่าทั้งจากทิศเหนือและทิศใต้ ชนิดของสัตว์ป่าที่สำคัญได้แก่ ช้างป่า หมีหมา หมาไน หมาจิ้งจอก เสือดาว เสือโคร่ง เลียงผา สมเสร็จ วัวแดง กวางป่า เก้งหม้อ ชะนีมือขาว ลิงเสน นกกระสาคอขาว เหยี่ยวปลาใหญ่หัวเทา นกเค้าหน้าผากขาว กบทูด ปาดยักษ์ เต่าหก จิ้งเหลนภูเขาสีจาง เป็นต้น นอกจากนี้ในบริเวณลำธารและอ่างเก็บน้ำ สำรวจพบปลาน้ำจืดอาศัยอยู่หลายชนิด เช่น ปลานางอ้าว ปลาซิวใบไผ่ ปลาขี้ยอก ปลากระสูบขีด ปลากดเหลือง ปลาดุกด้าน ปลากระทุงเหว ปลาหมอช้างเหยียบ ปละกระสง และปลากระทิง ฯลฯ

อุทยานแห่งชาติโซรัคซานความงดงามของธรรมชาติที่ใบไม้เต็มไปด้วยสีสันต่างๆ นานา

3

ในบรรยากาศเย็นสบายของช่วงหน้าหนาว เพลิดเพลินไปกับการชมสีสันของใบไม้ในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี เป็นเวลาที่ดีที่สุดในการไปเที่ยวตามภูเขา ความงดงามของธรรมชาติที่ใบไม้เต็มไปด้วยสีสันต่างๆ นานา สำหรับใครที่ชื่นชอบการเที่ยวแบบนี้ขอนำเสนอพาคุณไปรู้จักกับ “อุทยานแห่งชาติโซรัคซาน”อุทยานแห่งชาติโซรัคซาน หรือ สวิสเซอร์แลนด์ของเกาหลี เป็นอุทยานแห่งชาติขนาดใหญ่มีเนื้อที่ ถึง 354 ตารางกิโลเมตร จัดได้ว่าเป็นแนวเขาที่สวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งในเกาหลีซึ่งประกอบด้วย โอซอรัก เนซอรัก และนัมซอรักเทือกเขาแนวนอกแนวใน และแนวใต้ มีหุบเขาที่มีดอกไม้บานสะพรั่งทั้งฤดูใบไม้ผลิ และฤดูใบไม้เปลี่ยนสีหุบเขาแห่งนี้จะเปลี่ยนเป็นสีแดงสีทองทั่วทั้งหุบเขา การเดินทางไปยังอุทยานนั้นต้องนั่งกระเช้าไฟฟ้า สู่จุดชมวิวของอุทยานแห่งชาติเขาโซรัค ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นภูเขาสี่ฤดู และสวิสเซอร์แลนด์ของเกาหลี เขาโซรัคตั้งอยู่ใจกลางภูเขาแทแบคซึ่งทอดยาวไปถึงเขาคึมคัง ของประเทศเกาหลีเหนือ มีเทือกเขา ป่าไม้ หุบเขา สายน้ำ ทะเลสาบ หินรูปร่างต่างๆ ที่สวยงามซึ่งเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติที่หาดูธรรมชาติที่หาดูได้ยากยิ่ง ตามรอยตำนานที่เล่าขานของจุดกำเนิดเพลงอารีรัง ภูเขาโซรัคซานมีความงามเฉพาะตัวตลอดปีอยู่แล้ว แต่ช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีจะเป็นช่วงที่งดงามที่สุด นักท่องเที่ยวจะชอบเดินทางกันในช่วงนี้ เพื่อชมความงามของใบไม้สีต่างๆ ประมาณเดือนตุลาคม ทั่วทั้งบริเวณใบไม้จะกลายเป็นสีแดงและสีเหลือง

ทำไมเค้าต้องสร้างอนุสาวรีย์หมีไว้ด้วยเหตุเพราะตำนานความเชื่อของชาวเกาหลี ตามตำนานได้เล่าเอาไว้ว่า ในอดีตมีเทพผู้ปกครองอยู่บนสวรรค์นามว่า ฮวานอิน (Hwan-in) มีโอรสนามว่า ฮวานอุง (Hwan-ung) เทพฮวานอุงนั้น มีความปรารถนาที่จะเสด็จมาที่โลกมนุษย์ ซึ่งพระบิดาก็ได้อนุญาต โดยได้นำไพร่พลมากว่า 3,000 องค์ ขณะนั้นมีเสือและหมีอยู่คู่หนึ่ง มีความต้องการอย่างยิ่งที่จะเป็นมนุษย์ จึงได้สวดภาวนาขอให้ตนได้เป็นมนุษย์ต่อเทพทุกองค์ จนกระทั่งได้มาขอต่อเทพฮวานอุง พระองค์ได้สัมผัสถึงความปราถนาอันแรงกล้าของหมีและเสือ จึงได้ประทานผักโขม และ กระเทียมแก่สัตว์ทั้งสอง พร้อมทั้งสั่งให้สัตว์ทั้งสองจำศีลอยู่ในถ้ำเป็นเวลา 100 วัน หากทำสำเร็จสัตว์ทั้งสองก็จะสมปราถนา หมีและเสือดีใจเป็นอย่างมากพร้อมรับคำและเข้าไปจำศีล ปรากฎว่าผ่านไปได้แค่ 3 วัน เสือก็หมดความอดทนเลิกล้มความตั้งใจไป แต่หมีมีความอดทนมากกว่า พออยู่ในถ้ำได้ถึง 21 วันก็กลายร่างเป็นหญิงงามมีชื่อว่า อุง-นยอ (Ung-nyeo) ต่อมา อุง-นยอ อยากมีบุตรแต่ไม่มีชายจะแต่งงานด้วย จึงได้ไปสวดอ้อนวรต่อฮวานอุงอีกครั้ง เทพฮวานอุงสงสารและเห็นว่าเป็นหญิงที่มีรูปร่างงดงามยิ่งนัก จึงแปลงกลายเป็นมนุษย์แล้วมาแต่งงานกับอุง-นยอเสียเอง จึงได้กำเนิดบุตรชายชื่อ ทันกุนวันกอม (Dangun Wanggeom) จนต่อมา ทันกุนวันกอม ได้เป็นผู้สถาปนาอาณาจักรโคโชซอนขึ้น (Gojoseon) ซึ่งถือว่าเป็นอาณาจักรเริ่มแรกของเกาหลีนั่นเอง ดังนั้น ชาวเกาหลีจึงเชื่อว่า หมีเป็นต้นกำเนิดของพวกเค้า และได้สร้างอนุสาวรีย์หมีไว้ที่ โซรัคซานแห่งนี้

 

อุทยานแห่งชาติโยเซมิตี มรดกธรรมชาติของโลก

อุทยานแห่งชาติโยเซมิตี มรดกธรรมชาติของโลกจากยูเนสโก อีกหนึ่งจุดหมายที่ใครๆก็อยากไปสัมผัสให้ได้ซักครั้งในชีวิต

อุทยานแห่งชาติโยเซมิตี ตั้งอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐฯ รายล้อมไปด้วยแนวผาหินแกรนิตสูงจรดฟ้าประดับประดาเหนือยอดป่าสนเขียวขจี มีเสียงดนตรีประกอบแห่งธรรมชาติจากสายน้ำที่ไหลรินแทบทั่วผืนป่า เกิดเป็นทิวทัศน์ที่สวยงามตระการตาดึงดูดนักท่องเที่ยวให้หลั่งไหลมาจากทั่วโลก

การใช้รถบัสโดยสารของอุทยานเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการทัวร์หุบเขาแห่งนี้ในระยะเวลาหนึ่งวัน โดยการทัวร์ด้วยรสบัสนั้นคุณจะได้ชมความสวยงามตระการตาจากแทบทุกเสน่ห์ขึ้นชื่อของอุทยานแห่งชาติโยเซมิตีภายในระยะเวลาเพียงแค่สั้นๆเท่านั้น

ผาหิน El Capitan ทำให้นักท่องเที่ยวหลายต่อหลายคนต้องทึ่งกับความอลังการจากน้ำตกขนาดยักษ์แถมประกายสายรุ้งจางๆ แล้วยังสร้างบรรยากาศโรแมนติคๆเหมาะกับคู่รักอย่างที่สุด

หุบเขาแห่งนี้ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นอุทยานแห่งชาติของสหรัฐฯมาตั้งแต่ปี 1915 พื้นที่กว่า 95% ของที่นี่ยังคงไม่ถูกคนเราเข้าไปพัฒนา นักท่องเที่ยวไม่ได้รับอนุญาตให้ทิ้งสิ่งของทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตามไว้ในบริเวณอุทยานแห่งนี้ ด้วยความสูงกว่า 800 เมตร ทำให้น้ำตกโยเซมิตีครองสถิติน้ำตกที่มีความสูงมากที่สุดของทวีปอเมริกาเหนือเลยทีเดียว

มีป่าสน, ทะเลสาบ, หุบเขา, ผาสูง, ทุ่งหญ้า, ผืนป่า, แม่น้ำ, และน้ำตกมากมายในอุทยานแห่งชาติโยเซมิตี แล้วก็ยังมีต้นไม้ขนาดยักษ์ลือชื่อที่วัดอายุได้มากกว่า 1,500 ปี แถมยังมีฐานเป็นโพรงให้คนเดินทะลุผ่านเข้าไปได้ด้วย ระหว่างช่วงหน้าหนาว การใช้รถเคเบิ้ลคาร์จะช่วยให้คุณสามารถชมวิวทิวทัศน์ของหุบเขาโยเซมิตีได้จากมุมสูงที่ริมทะเลสาบ เป็นจุดที่เหมาะสมสำหรับการตั้งแคมป์เป็นอย่างยิ่ง

ต้นไม้ขนาดยักษ์พบเห็นได้มากมายในหุบเขาแห่งนี้ แถมพอถึงช่วงฤดูใบไม้ร่วง ทั้งผืนป่าก็จะถูกประดับประดาไปด้วยใบไม้สีทองในช่วงวันหยุดยาวสิ้นปี บรรดานักท่องเที่ยวต่างเห่กันเข้าคิวเพื่อชมความสวยงามของหน้าผาแกรนิตอันลือชื่อของหุบเขาแห่งนี้การตั้งแคมป์ในอุทยานแห่งชาติโยเซมิตี เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งของการพักผ่อนที่น่าสนใจไม่น้อย ช่วงเวลาที่น่าไปอุทยานแห่งชาติโยเซมิตีที่สุดก็คือตอนฤดูใบไม้ผลิที่ทั้งผืนป่ากำลังผลิใบไม้ชุดใหม่

โดมหินแกรนิต แห่งอุทยานแห่งชาติโยเซมิตตี

อุทยานแห่งชาติโยเซมิตตี สถานที่ที่เหล่านักท่องเที่ยวจะได้ยลโฉมความงามของธรรมชาติกันแล้ว ที่นี่ยังกิจกรรมสนุก สุดระทึก กับ ไต่เขา โดมหินแกรนิต ที่เรียกว่า “เสียว” ไม่แพ้สถานที่ใดๆ ในโลกกันเลยทีเดียว

อุทยานแห่งชาติโยเซมิตตี (Yosemite National Park) ซึ่งอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา อุทยานแห่งนี้เนื้อพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 3,081 ตร.กม. กว้างจรดถึงดินแดนทะเลทรายเนวาดา อุทยานแห่งชาติโยเซมิตี เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญแห่งหนึ่งของสหรัฐอเมริกาที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนเฉลี่ย 3 ล้านคนต่อปี และได้เป็นมรดกโลกเมื่อปี พ.ศ. 2527 (ค.ศ. 1984) โยเซมิตตีเป็นที่รู้จักในชื่อของหน้าผาหินแกรนิต ยอดเขาโดมครึ่งซีก (Half dome) น้ำตกขนาดใหญ่หลายแห่ง และพื้นที่ประมาณ 89 เปอร์เซ็นต์ ของอุทยานเป็นป่าที่มีสัตว์อาศัยอยู่

หุบเขาโยเซมิตีได้รับการค้นพบโดยนักธรรมชาติวิทยา John Muir ในปี 1868 หลังจากที่เดินเท้าสำรวจธรรมชาติไปเรื่อยจากรัฐเคนตั๊กกี้ ในปี 1867 เมื่อเขาได้พบหุบโยเซมิตี เขาได้นิยามสถานที่แห่งนี้ว่า “ไม่มีวิหารใดที่สร้างจากน้ำมือมนุษย์จะสวยงามเท่า Yosemite หินทุกก้อนล้วนฉาบด้วยชีวิต” ด้วยความรักธรรมชาติในสายเลือด เขาผลักดันให้สถานที่แห่งนี้เป็นอุทยานแห่งชาติ และเป็นผลสำเร็จสถานที่แห่งนี้เป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 2 ของโลก ต่อจากอุทยานแห่งชาติ Yellowstone ที่อยู่ในสหรัฐอเมริกาเช่นกัน

ยอดเขาโดมครึ่งซีก นี่เอง ที่มีกิจกรรมสุดระทึก ให้นักท่องเที่ยวได้ท้าความกล้ากัน กับกิจกรรมไต่เขาขึ้นไปบนโดมหินแกรนิตแท้ๆ ในระดับความสูงกว่า 1,444 เมตร ซึ่งอดีตในปี 1957 โรแยล ร็อบบินส์ ชาวแคลิฟอร์เนียกับเพื่อนร่วมทีม ใช้เวลาถึง 5 วัน ในการปีนฮาล์ฟโดมได้เป็นครั้งแรก โดยใช้ลิ่มเหล็กตอกเข้าไปในเนื้อหินเพื่อร้อยเชือกรั้งตัวแล้วค่อยๆ ไต่ขึ้นไปถึงยอดเขาจนเป็นผลสำเร็จ ต่อมาจึงมีนักพิชิตยอดเขามากมายไปท้าทายความกล้าที่ฮาล์ฟโดมลูกนี้ ทั้งในแนวโค้งซึ่งเป็นส่วนครึ่งวงกลม หรือแนวตั้งซึ่งเป็นส่วนที่ดูเหมือนโดนผ่าครึ่ง แต่ทว่าการปีนในแนวตั้งนั้นค่อนข้างจะอันตรายมาก มีผู้เสียชีวิตจากการปีนในลักษณะอยู่จำนวนหนึ่ง

แต่ว่าในปัจจุบันนี้การเดินทางขึ้นยอดเขาฮาล์ฟโดม ไม่ต้องใช้เวลามากอย่างในอดีตแล้ว เพราะมีการขึงสายเคเบิ้ลเป็นทางเดิน พร้อมวางที่พักเท้าให้เป็นขั้นบันได ให้นักท่องเที่ยวค่อยๆ ไต่ ค่อยๆ เกาะ เพื่อพาตัวเองให้ไปถึงยอดเขา แต่ถึงกระนั้นก็ยังเหนื่อยหอบอยู่ดี เพราะฉะนั้นหากจะไปพิชิตยอดนี้จริงๆ ฟิตร่างกายเตรียมพร้อมไว้ก่อนเลยล่ะ ถ้านักท่องเที่ยวสามารถพิชิตขึ้นไปบนยอดเขาแล้ว จะมีพื้นที่ราบให้นักท่องเที่ยวสามารถพักเหนื่อยได้ พร้อมกับมีวิวทิวทัศน์สวยๆ ที่มองได้ 360 องศารอบอุทยานฯ ให้หายเหนื่อยถือเป็นรางวัลตอบแทนความพยายาม รวมไปถึงความกล้าของเหล่านักท่องเที่ยวอีกด้วย

เยลโลว์ สโตน เป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของอเมริกาและแห่งแรกของโลก

เยลโลว์ สโตน เป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของอเมริกาและแห่งแรกของโลกด้วย มีพื้นที่ทั้งหมดอยู่บนที่ราบสูงบนเทือกเขาร็อคกี้ มีเนื้อที่มากกว่า 2 ล้านเอเคอร์ คือประมาณ 43,750 ตารางไมล์ เป็นอุทยานแห่งชาติที่มีบ่อน้ำร้อน น้ำพุร้อนมากกว่า 10,000 แห่ง และ 250 แห่งเป็นบ่อน้ำพุร้อน นอกจากนี้ยังมีสัตว์ป่าที่น่าสนใจมากมายเช่น หมีกริซซี่ หมีดำ ควายป่าไบซัน กวางมูส กวางเอลค์ แพะภูเขา บิ๊กฮอร์น แมวปา รวมถึงนกชนิดต่าง ๆ อีกมากกว่า 250 ชนิด

ดินแดนแห่งนี้มีอายุมากกว่า 600,000 ปี เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟ ทิ้งร่องรอยของหินละลายที่พุ่งผ่านผิวโลกขึ้นมาเย็นตัว เกิดเป็นภูเขาสูง ที่ราบและหุบเหวที่สวยงาม ที่ราบที่เป็นพื้นที่ส่วนใหญ่ของอุทยาน มีความกว้างกว่า 50 ไมล์ หรือ 80 กิโลเมตร มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเลเฉลี่ยประมาณ 7,000 ฟุต หรือ 1 ไมล์ครึ่ง จุดที่ต่ำที่สุด คือ 5,300 ฟุต จะอยู่ทางด้านเหนือของอุทยาน และจุดที่สูงที่สุดจะอยู่ที่ยอดเขาอีเกิ้ล สูงถึง 11,300 ฟุต บนที่ราบสูงจะมีแม่น้ำเยลโลว์ สโตนไหลผ่านลงสู่ทะเลสานเยลโลว์ สโตน ที่อยู่เกือบกึ่งกลางเขตอุทยานหลังยุคน้ำแข็งละลายคือ กว่า 8,500 ปีที่ผ่านมา ป่าในอุทยานแห่งชาติ เยลโลว์ สโตนได้เริ่มเกิดขึ้น ผู้ที่เคยพบเคยผ่านมาในอดีตก็คือ พวกอินเดียนแดง ต่อมาก็มีคนผิวขาวได้เคยเดินทางผ่านบ้าง ต่างก็เล่าขานบอกกล่าวถึงป่าใหญ่ที่อุดมไปด้วยบ่อน้ำร้อนและบ่อน้ำพุร้อน รวมถึงบ่อโคลนเดือด

เยลโลว์ สโตนเริ่มมาเป็นที่รู้จักแพร่หลายมากขึ้นเมื่อนักสำรวจชาวอเมริกันชื่อ จอห์น โคลเทอร์ (John Colter) ได้เดินทางมาถึงในปี ค.ศ.1807 โคลเทอร์ได้พยายามผลักดันให้ชาวอเมริกันและชาวโลกได้รู้จักกับดินแดนภูเขาสูงแห่งนี้ จนกระทั่งปี ค.ศ. 1872 ดินแดนแถบนี้ในชื่อของ Colter’s Hill จึงได้รับการยอมรับจากรัฐบาลอเมริกัน ให้ประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของชาวอเมริกา และถือได้ว่าเป็นอุทยานแห่งแรกของโลกด้วยอุทยานแห่งชาติเยลโลว์ สโตนมีเนื้อที่ทั้งหมดอยู่ในด้านตะวันตกเฉียงเหนือของรัฐไวโอมิ่ง อาณาเขตด้านเหนือติดเขตแดนรัฐมอนทาน่า และด้านตะวันตกติดขอบแดนรัฐไอดาโฮ นักท่องเที่ยวสามารถเข้าสู่อุทยานได้ถึง 4 ทาง คือ ด้านตะวันตกจากไอดาโฮ ด้านเหนือจากมอนทาน่า ส่วนทางด้านใต้และด้านตะวันออกก็อยู่ในไวโอมิ่ง ในบริเวณอุทยานมีถนนหนทางยาวรวมแล้วกว่า 500 กิโลเมตร ถนนส่วนใหญ่จะเปิดให้รถใช้ราว ๆ เดือนพฤษภาคม ถึงต้นเดือนพฤศจิกายน หลังจากนั้นจะห้ามรถผ่าน อนุญาตให้เฉพาะพาหนะที่ใช้สำหรับฟื้นหิมะและน้ำแข็ง เช่น รถสโนว์โค้ช สโนวโมบิล สกี และเลื่อนน้ำแข็ง เป็นต้น

แหล่งมรดกโลก อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่

อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่

นับเป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของประเทศไทย และได้รับสมญานามว่าเป็นอุทยานมรดกของกลุ่มประเทศอาเซียน ตลอดจนเป็นที่ยอมรับทั่วไปว่าเป็นอุทยานแห่งชาติที่สำคัญของโลก อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ประกอบด้วย เทือกเขาสลับซับซ้อนกัน ได้แก่ เขาร่ม ซึ่งเป็นยอดเขาสูง 1,351 เมตรจากระดับน้ำทะเล รองลงมาได้แก่ เขาแหลม 1,326 เมตร , เขาเขียว 1,292 เมตร , เขาสามยอด 1,142 เมตร และเขาฟ้าผ่า 1,078 เมตร ด้านทิศเหนือและตะวันออกพื้นที่จะลาดลง ทิศใต้และตะวันตกเป็นที่สูงชัน อันเป็นแหล่งกำเนิดต้นน้ำลำธารที่สำคัญ 5 สาย

เขาใหญ่ เป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของประเทศไทย

มีอาณาเขตรอบคลุม 11 อำเภอ ของ 4 จังหวัด เป็นป่าผืนใหญ่ตั้งอยู่ในเทือกเขาพนมดงรัก ในส่วนหนึ่งของดงพญาเย็นหรือดงพญาไฟในอดีตประกอบด้วยขุนเขาน้อยใหญ่สลับซับซ้อนหลายลูก เป็นแหล่งกำเนิดของต้นน้ำลำธารที่สำคัญหลายสาย เช่น แม่น้ำนครนายกและแม่น้ำมูล อุดมสมบูรณ์ไปด้วยพันธุ์ไม้และสัตว์ป่านานาชนิด เช่น ช้างป่า กวางป่า เก้ง กระทิง เสือ ตลอดจนมีลักษณะทางธรรมชาติที่สวยงามมีเนื้อที่ 1,353,471.53 ไร่ หรือ 2,165.55 ตารางกิโลเมตร

ด้วยสภาพป่าที่รกทึบและได้รับอิทธิพลจากมรสุม ทำให้เกิดฝนตกชุกตามฤดูกาล อากาศไม่ร้อนจัดและหนาวจัดจนเกินไปจัดอยู่ในประเภทเย็นสบายตลอดทั้งปีเหมาะแก่การเดินทางท่องเที่ยวและประกอบกิจกรรมนันทนาการชนิดต่างๆ อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปีประมาณ 23 C ฤดูร้อน แม้ว่าอากาศจะร้อนอบอ้าวกว่าในที่อื่นแต่ที่เขาสูงบนเขาใหญ่อากาศเย็นสบายเหมาะแก่การพักผ่อน เล่นน้ำในลำธาร และนำอาหารไปรับประทาน ฤดูฝนเป็นช่วงหนึ่งที่สภาพบนเขาใหญ่ชุ่มฉ่ำ ป่าไม้ ทุ่งหญ้าเขียวขจีสดสวย น้ำตกทุกแห่งไหลแรงส่งเสียงดังก้องป่าให้ชีวิตชีวาแก่ผู้ไปเยือน แม้การเดินทางจะลำบากกว่าปกติแต่จำนวนนักท่องเที่ยวก็ไม่ลดน้อยลงเลย ฤดูหนาวในช่วงเดือนตุลาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ เป็นฤดูที่นิยมไปเขาใหญ่มากที่สุด ท้องฟ้าสีครามแจ่มใสตัดกับสีเขียวขจีของป่าไม้

แหล่งมรดกโลกเขาใหญ่ ดงพญาเย็นนั้นเป็นผืนป่าที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูง โดยมีสภาพป่าแบบต่างๆตั้งแต่ ป่าดงดิบ ป่าดิบชื้น ป่าดิบแล้ง ป่าเต็งรัง ป่าเบญจพรรณ และทุ่งหญ้า อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่เป็นแหล่งที่มีชนิดพันธุ์ของพืช และสัตว์ที่ไม่สามารถพบได้ที่อื่นเป็นจำนวนมาก โดยในจำนวนพืชราว 15,000 ชนิดที่พบในประเทศไทย สามารถพบในแหล่งมรดกโลกนี้ถึง 2,500 ชนิด มีพืชเฉพาะผืนป่านี้ถึง 16 ชนิด มีสัตว์ป่ากว่า 800 ชนิด สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม 112 ชนิด สัตว์เลื้อยคลาน สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำกว่า 209 ชนิด นกกว่า 392 ชนิด และเงือก 4 ชนิด ใน 6 ชนิดที่พบในประเทศไทย

อุทยานแห่งชาติ คิงส์แคนยอน หนึ่งในหุบเขาที่ลึกที่สุดในสหรัฐอเมริกา

อุทยานแห่งชาติ คิงส์แคนยอนเป็นอุทยานแห่งชาติที่มีชื่อเสียงและน่ามาเยือนมากแห่งหนึ่งของสหรัฐอเมริกา ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ของเฟรสโนเคาน์ตี้กับทูลาเรเคาน์ตี้ของรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกของสหรัฐอเมริกาติดมหาสมุทรแปซิฟิกมีลักษณะภูมิประเทศที่สวยงาม ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเทือกเขาเซียร์ราเนวาดามีพื้นที่ประมาณ 461,901 เอเคอร์ มีจุดเด่นอยู่ที่ หุบเขาแม่น้ำกษัตริย์หรือ หุบเขาคิงส์ริเวอร์ ในปัจจุบันพบว่าคิงส์แคนยอนได้กลายเป็นหนึ่งในหุบเขาที่ลึกที่สุดในสหรัฐอเมริกาโดยมีความลึกประมาณ 8,200 ฟุต

สำหรับกิจกรรมที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวที่มาเยือนอุทยานแห่งชาติ คิงส์แคนยอน นั้นส่วนใหญ่จะเน้นเป็นกิจกรรมการเดินป่าชมธรรมชาติ ที่มีทั้งระยะสั้นและไกล กิจกรรมขี่ม้าที่ได้รับความนิยม เพราะนักท่องเที่ยวจะได้เพลิดเพลินไปกับวิวทิวทัศน์อันงดงามและจะปิดท้ายด้วยการตั้งแคมป์ทามกลางธรรมชาติในค่ำคืนและยังมีจุดท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดอีกหลายจุดประกอบไปด้วย ซีดาร์ โกรฟ แอเรีย อยู่ทางตอนใต้ของแม่น้ำกษัตริย์เป็นจุดที่มีภูมิประเทศคล้ายๆกับหุบเขา โยเซมิติ นอกจากนี้ยังมีน้ำตกคิงส์แคนยอนซึ่งสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนได้เป็นจำนวนมากโดยเฉพาะฤดูใบไม้ร่วง และยังมีถ้ำบอยเดน ซึ่งเป็นถ้ำใต้ดินขนาดยักษ์ที่มีความหลากหลายทางธรณีวิทยามีหินงอกหินย้อยที่เป็นที่อยู่อาศัยของค้างคาวถ้ำ

การเตรียมตัวก่อนไปเดินป่าปีนเขาจะต้องเตรียมตัวดังนี้
1ต้องเรียนรู้ในเรื่องของการแคมปิ้ง
2.การเลือกสถานที่ที่ต้องการไป
3.เรียนรู้การอ่านแผนที่ การใช้เข็มทิศและ GPS อย่างแม่นยำ
4.การเตรียมน้ำดื่มซึ่งเป็นสิ่งสำคัญเป็นอย่างมาก
5.เตรียมรองเท้าที่ซัพพอร์ตเท้าและถุงเท้าที่ให้ความรู้สึกสบายเท้า
6.เลือกเสื้อผ้าที่คล่องตัวสวมใส่สบายง่ายต่อการถอดออก
7.เตรียมอาหารระหว่างทาง
8.เครื่องมือปฐมพยาบาล เป็นอีกอย่างหนึ่งที่มีความสำคัญที่ต้องพกติดตัวไปด้วย
9.ต้องเตรียมไฟฉายและแบตเตอรี่เสริม

นอกจากจะเตรียมสิ่งของต่างๆเหล่านี้เพื่อใช้เป็นอุปกรณ์สำหรับการเดินทางแล้ว ควรจะเตรียมตัวเองโดยการออกกำลังกาย เตรียมกำลังขาให้พร้อมก่อนการเดินทางอีกด้วย เพราะจะช่วยให้การท่องเที่ยวนั้นเป็นการท่องที่สนุกมากขึ้น